วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Cloverfield ( ꒪Д꒪)ノ


Goodbye Manhattan

ลาก่อนแมนฮัทตัน!



     ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้มีภาพยนตร์เรื่อง 10 Cloverfield Lane ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคแยกของ Cloverfield หรือในชื่อภาษาไทย วันวิบัติอสูรกายถล่มโลกเข้าฉาย ซึ่งเสียงตอบรับก็หลากหลายเสียเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีชื่อ เจ.เจ. อัมบราส์ เป็นโปรดิวเซอร์ อำนวยการสร้างเรื่องนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นชื่อการันตีเรื่องของคุณภาพของหนังไว้ส่วนหนึ่งเลยก็ว่าได้

     สำหรับเอ็นทรี่นี้ ขอกล่าวถึงภาพยนตร์อย่าง Cloverfield ของปี 2008 เพราะเนื่องจากเพิ่งดูจบก่อนหน้าที่จะเขียนไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง โดย Cloverfield ถือว่าเป็นภาพยนตร์แนว Hand-Held Camera ซึ่งภาพยนตร์แนวนี้ก็ได้ทำออกมาหลากหลายเรื่อง ยกตัวอย่างภาพยนตร์ที่พอจะติดหูคนทั่วไปก็คงมี Paranormal Activities, REC, The Blair Witch Project ซึ่งเชื่อได้เลยว่า หลายคนคงไม่ชอบดูภาพยนตร์แนวนี้กันซักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะรู้สึกเวียนหัวกับกล้องที่ต้องโยกไปมาตลอด ลามไปถึงบางทีต้องหลับตาดูหนัง จนบางครั้งก็ทำให้ดูหนังไม่รู้เรื่องอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเนื้อเรื่องมันน่าสนใจ ยังไงๆ เราก็จะดู! (จริง ๆ เข็ดตั้งแต่ The Blair Witch Project แล้ว เรื่องนี้ทำเอาตึ๊บเลยก็ว่าได้)

     เข้าเรื่อง Cloverfield กันเลยดีกว่า ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการเล่าถึงชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า 'ร๊อบ' เขาได้งานที่ญี่ปุ่น ดังนั้นแล้วน้องสาว และเพื่อนๆ ของเขาจึงตั้งใจที่จะจัดปาร์ตี้เพื่อฉลองให้เขา แต่แล้วเหตุการณ์ไปคาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหว ทุกอย่างดูสับสน และอลหม่านไปหมด เมืองแมนฮัทตันที่พวกเขาอยู่อาศัย ค่อยๆ สูญสภาพ ทั้งตึกถล่ม สะพานขาด รวมไปถึงการสัตว์ประหลาดที่ทำเอาทุกคนในเหตุการณ์ช๊อคกันไปตามๆ กัน และนอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เล่าเพียงแค่การพังทลายของแมนฮัทตัน และสัตว์ประหลาด แต่ยังเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างร๊อบกับอดีตคู่เดทของเขา ซึ่งชวนให้น่าติดตามมากยิ่งขึ้น
     สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วถือว่าสนุกใช้ได้เลยทีเดียว แต่ถ้าให้ดูแบบจริงๆ จังๆ ก็คิดว่ามีจุดบอดสำหรับหนังประเภท Hand held อยู่ในเรื่องนี้อยู่หลายจุดอยู่เช่นกัน อย่างความไม่สมเหตุสมผลในสถานการณ์ของตอนถ่าย/ตอนวางกล้อง และอื่นๆ แต่ยังไงก็พยายามมองข้ามๆ มันไป เพราะจะรู้สึกไม่สนุกเวลาดูเสียเปล่าๆ


     อย่างแรกสำหรับเรื่องนี้ ชอบตรงที่ว่า พอดูจบหลายๆ อย่างยังคงปริศนาทิ้งไว้ให้คิดต่อ ไม่เฉลยอะไรเลย คล้ายกับเรากำลังดูเทปบันทึกสถานการณ์หนึ่ง แล้วก็ต้องหาคำตอบกันต่อไป (จริงๆ ชวนให้น่าติดตามดูต่อในภาคสองเสียมากกว่า)

     อย่างที่สอง ชอบสัตว์ประหลาดในเรื่องนี้ และฉากแมนฮัทตันตึกถล่ม สะพานทลาย ฟาดฟันกันตูมตาม แม้จะรำคาญเสียงคนตะโกนใส่กันก็ตาม แต่ถือว่าได้อรรถรสไปอีกแบบ

     อย่างที่สาม ประทับใจตอนจบ เชื่อว่าหลายคนคงเกลียดการจบแบบปลายเปิดแบบนี้ แต่สำหรับตัวเราเองนั้นชอบ เพราะอย่างที่บอกไว้ในข้อแรก มันเป็นปริศนาทิ้งเอาไว้ให้คิดต่อว่าสรุปรอดหรือไม่ แล้วแมนฮัทตันจะเป็นเช่นไร สัตว์ประหลาดตายแล้วหรือยังอยู่ นั่นคือสิ่งที่คิดว่าเป็นความแนบเนียนในเรื่องตัวบทในหนังประเภท hand held อีกอย่าง เพราะอะไร? ก็เพราะว่า Cloverfield เป็นกลายเล่าเรื่องผ่านคนในสถานการณ์นั้น ตัวละครดำเนินเรื่องไม่รู้ คนดูอย่างเราก็ไม่รู้เช่นกัน และนั่นก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้


     โดยสรุปแล้ว ถือว่าภาพยนตร์อย่าง Cloverfield เป็นหนังประเภท Hand-Held อีกเรื่องที่ดูแล้วรู้สึก ประทับใจส่วนหนึ่ง ถ้าตัดความเวียนเศียรจากเรื่องการส่ายไปส่ายมาของกล้องนะ และอีกเรื่องอย่างที่บอก ถ้าไม่จับผิดเรื่องรายระเอียดยิบย่อยของสถานการณ์ คิดว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกมากเลยทีเดียว ดังนั้น แนะนำให้ดูค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็แนะนำให้ดูเช่นกัน เผื่อจะเปลี่ยนใจ ฮ่า!





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น